สวัสดีครับ หลังจาก บทความ ลดน้ำหนัก 24 กิโลกรัม ภายใน 3 เดือน ตอน 2 ที่ผมโพสต์ไปเมือ เดือน ธค 58 น้ำหนักของผมในวันนั้น คือ 79.8 kg BMI 31.97 หลังจากนั้น ผมได้หยุดอัพเดตผลการลด น้ำหนักไป จนถึงปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าภาระกิจการลดน้ำหนักมันล้มเหลว ยังกินข้าว 3 มื้อ ขนมหวาน ขนมในร้านสะดวกซื้อ เรียกว่า สนุกกับการกินจริงๆ ในปี 2559 เป็นปีที่ผมวุ่นอยู่กับการเลี้ยงลูก โฟกัสตอนนั้นเลยไปอยู่การเลี้ยงลูกเป็นส่วนใหญ่ ไม่ออกกำลังกาย กินเยอะ แต่นอนน้อย น้ำหนักจึงนิ่งๆอยู่ที่ 78-79.5 kg จนถึงจุดหนึ่ง ในปลายปี 2559 บริษัทมีการตรวจสุขภาพประจำปี ผมก็เข้ารับการตรวจเป็นปกติ หลังจากนั้น 1 เดือน ผลตรวจเลือดออกมา ผมพบว่า น้ำตาลในเลือดผม สูงถึง 256 mg/dL โคเรสเตอรอล 270 mg/dL (ตกใจมากกับค่านี้ในตอนนั้น) หลังจากได้รับผลเลือด ด้วยความคิดที่ว่า อายุยังน้อยไม่ถึง 40 ผลตรวจอาจจะผิดพลาด ผมจึงยังไม่เข้ารับการรักษา ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม คือ ผมสังเกตุว่า จะง่วงนอนมากๆตอนบ่าย อ่อนเพลีย ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเพราะกลางคืนเลี้ยงลูกทำให้นอนน้อย แต่เมื่อสังเกตุพฤติกรรมของร่างกาย มาประมาณ 6 เดือน เริ่มไม่ปกติ จึงไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอีกครั้ง ในเดือน กค 2560 ผลการตรวจครั้งนี้ FBS ของผม เป็น 224 mg/dL โคเรสเตอรอล 280 mg/dL TG 106 LDL 202 หมอวินิจฉัย ผมเป็น เบาหวานและไขมันในเลือดสูง ให้ยาลดเบาหวานและยาลดไขมันมากิน ก็ยาปกติที่ใช้รักษาโรคเหล่านี้ละครับ จะกล่าวโดยสรุป ผมถูกวินิจฉัยเป็นผู้ป่วย NCD เบาหวานและไขมัน ตั้งแต่ กค 2560 หากนับถึงวันนี้ ผมก็เป็นโรค เบาหวานชนิดที่ 2 และไขมันมา 5 ปี กว่าๆละครับ ตอนเริ่มต้น หมอให้ยา เบาหวาน ชนิดก่อนอาหาร 1 เม็ด เช้า และ หลังอาหาร 2 เม็ด เช้า เย็น ยาลดไขมัน Statin 40 mg 1 เม็ดก่อนนอน หลังทานยาได้ 15 วัน ผมมีนัดพบหมอครั้งแรก ผลตรวจเลือด ออกมา FBS 122 mg/dL ลดลงจากเดิมเป็นอย่างมาก แน่นอน เป็นผลจากการกินยาควบคุมเบาหวาน ซึ่งไปเร่งกระตุ้น อินซูลิน ให้มาช่วยส่งน้ำตาลมากขึ้น บวกกับ ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการรับน้ำตาลของเซลล์ ผมเองตอนนั้นก็ดีใจครับ กินยาและสามารถควบคุมได้ จากนั้นผมก็เป็นคนป่วยโรคเบาหวานและไขมัน โดยสมบูรณ์ มีนัดกับคุณหมอ ทุก 3 เดือน ติดตามอาการ กินยาอย่างเคร่งครัด เวลามีสอบประวัติ โรคประจำตัว ต้องระบุว่าเป็น โรคเบาหวานและไขมันในเลือด จนกระทั้งระยะเวลาหนึ่ง น้ำตาลเริ่มสูงขึ้นต่อเนื่องอีก หมอจึงเพิ่มยาเบาหวานเป็น ยาก่อนอาหาร 2 เม็ดเช้า-เย็น หลังอาหาร 2 เม็ดเช้า-เย็น แน่ละครับ ร่างกายผมเข้าสู่เฟส การดื้ออินซูลีนมากขึ้น ด้วยตอนนั้น ความเชื่อว่าเบาหวานคุมได้ด้วยยา เบาหวานเป็นโรคทางพันธุกรรม ทำให้ผมปฎิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ทานข้าว 3 มื้อเพื่อให้กินยาได้ จวบจนถึง ปลายปี 2564 เมื่อมาพิจารณา ระดับน้ำตาลในเลือด ดังภาพ
อาหารเพื่อสุขภาพและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ วิธีลดน้ำหนัก อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ประสบการณ์ลดน้ำหนัก
วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2565
เกิดอะไรขึ้นหลังลดน้ำหนักไม่สำเร็จ ได้โรคเบาหวานและไขมันในเลือดมาเพิ่ม
กราฟ แสดง FBS ของผม ช่วง ปี 2560 - 2564
พบว่า ค่าน้ำตาลมันไม่คงที่สวิงไปมาตลอด แต่มีแนวโน้มยกค่าสูงขึ้น น้ำตาลสะสม มากกว่า 6.0% เคยสูงสุด ปี 2561 7.3% และในปี 2563 2564 ผมสังเกตุว่าความดันเลือดของผมเริ่มสูงขึ้น มาพบหมอ ตรวจครั้งแรก เริ่มเจอเคสตรวจไม่ผ่านต้องตรวจซ้ำ หากปล่อยไว้ สงสัยจะได้ความดันมาอีกโรค ปลายปี 2564 ตรวจการทำงานของไต พบว่า เริ่มขยับไปเข้าขอบเขตที่จะเกินข้อจำกัดที่จะเสี่ยงเป็นไตเสื่อมเบื้องต้นอีกโรค ทั้งหมดที่ผมกล่าวมามันทำให้ผมเริ่มกลับมามองวิธีการรักษาและควบคุมเบาหวานใหม่อีกครั้ง หากพิจารณาพฤติกรรมของผม ผมยังทาน 3 มื้อ และมีขนมหวานบ้างแต่ไม่มาก ยาตอนนั้นก็ 5 เม็ดต่อวัน ควบคุมเบาหวาน 4 เม็ด ไขมัน 1 เม็ด ถ้าสังเกตุค่าน้ำตาลในเลือด FBS ของปี 2564 ที่มันลดต่ำลง ใน 4 ครั้งหลังสุดของ (128,110, 110, 112) น้ำตาลสะสมของปีนี้ ตรวจไป 1 ครั้ง ได้ 5.7% มันดูเยี่ยมมาก มันเกิดอะไรขึ้น ผมสังเกตุเห็นอะไรบางอย่างที่มันสัมพันธ์กับค่าน้ำตาลในเลือดช่วงปี 2564 ใช่แล้ว น้ำหนักผมลดลงเหลือ 76 kg แล้วทำไมน้ำหนักผมลดลงเหลือ 76 kg ละ เดี๋ยวบทความถัดไปจะมานำเสนอต่อนะครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ
(
Atom
)