แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ลดน้ำหนัก แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ลดน้ำหนัก แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

แนวทางรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 ด้วยเทคนิคการทำ IF (Treat diabetes by IF techniques)

 สวัสดีครับทุกท่าน จากบทความ 2 เรื่องที่ผ่านมา ผมได้เล่าที่มาที่ไปของการเกิดเบาหวานชนิดที่ 2 ให้ท่านผู้อ่านไปแล้ว ตั้งแต่ ความล้มเหลวในการลดน้ำหนักและการกลับมารับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูงจนเป็นผู้ป่วยเบาหวาน และการค้นพบโดยบังเอิญด้วยตัวเองของวิธีการลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเมื่อค้นค้าเพิ่มเติมสรุปได้ว่า มันคือเทคนิดการทำ IF นั่นเอง ก่อนอื่นต้องบอกว่า วิธีการทำ IF เป็นเทคนิคที่มีคนกล่าวถึงมานานแล้ว เพียงแต่ช่วงแรกของการรักษาเบาหวานของผม มุ่งเน้นไปที่การปฎิบัติตามคำแนะนำของหมอ คือ กินยารักษาเบาหวานตามที่กำหนด หมอให้ ออกกำลังกายและลดน้ำหนักเพิ่มเติม (ขอสัก 4 kg) แต่จากที่ผมเล่าให้ฟังไปตอนแรกว่า แนวทางดังกล่าว กลับทำให้หมอต้องจ่ายยารักษาเบาหวานเพิ่มขึ้น รวมถึง ยาลดไขมัน และตามติดมาด้วย ผลตรวจสภาพไตที่เริ่มบ่งชี้ว่าเข้าใกล้การเสื่อมของไตขั้นแรก รวมถึงความดันเริ่มสูงขึ้นในปีหลังๆ ในบทความนี้จึงขอแชร์วิธีการทำ IF รักษาเบาหวาน ให้ท่านผู้อ่านที่ต้องการรักษาเบาหวานอย่างยั่งยืน นำไปปรับให้เข้ากับกิจวัตรประจำวันของแต่ละท่านกันนะครับ มาเริ่มเลยนะครับ

ก่อนอื่นผมขอให้ทุกท่านเชื่อความจริง 3 ข้อนี้ก่อนนะครับว่า

1. เบาหวานชนิดที่ 2 รักษาให้หายหรือสงบได้ ความจริงข้อนี้ จะลบล้างความเชื่อของผู้ที่ต้องการรักษาเบาหวาน เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผมเองก็เชื่อว่า เบาหวานเป็นแล้วรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่ต้องกินยาควบคุมเบาหวานไปตลอดชีวิต

2. เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นผลของการดื้ออินซูลิน การดื้ออินซูลิน เป็นต้นต่อ (Root cause) ของการเป็นเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นผลมาจากการดื้ออินซูลิน

3. เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการกินการอยู่ สามารถปรับพฤติกรรมเพื่อรักษาเบาหวานได้ มิใช่เป็นโรคทางพันธุกรรม ที่ ส่งต่อจาก ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ 


หลักของการรักษาเบาหวานหรือควบคุมเบาหวานให้สงบ โดยปกติ ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชม หากเกิน 126 mg/dL หรือน้ำตาลสะสม มากกว่า 6.4% จะถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน การมอนิเตอร์ค่าดังกล่าวจึงเป็นการติดตามผลการรักษาเบาหวาน ที่ใช้อยู่อย่างกว้างขวางในปัจจุบัน 

หากเราเชื่อความจริงข้อที่ 2 ที่ว่า เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากการที่ร่างกายดื้ออินซูลิน โดยการดื้ออินซูลิน เกิดจากการมีอินซูลินในเลือดสูง และหรือเซลล์มีการเก็บไขมันและน้ำตาลมากเกินไปจนไม่สามารถรับน้ำตาลที่อินซูลินนำไปส่งให้เข้าไปในเซลล์ได้ จึงเกิดมีน้ำตาลสะสมในเลือดสูง จุดสำคัญของการรักษาเบาหวาน คือ ต้องลดอินซูลินในร่างกายลง เพื่อให้เซลล์เผาผลาญพลังงานไขมันและน้ำตาลที่เก็บอยู่ให้หมดไปเพื่อจะสามารถรับน้ำตาลที่อินซูลินส่งเข้าไปให้ใหม่ได้ 

การลดอินซูลินในเลือด ทำได้โดยการอดอาหารเป็นช่วงๆ ในระยะเวลาที่ในระดับที่เหมาะสม (Intermittent Fasting) ในระดับที่เซลล์เริ่มนำไขมันที่เก็บในเซลล์มาเผาผลาญเป็นพลังงานได้ เนื่องจากอินซูลินจะถูกกระตุ้นให้หลั่งออกมาเมื่อมีการรับประทานแป้งและน้ำตาลเข้าไป ดังนั้นการอดอาหารเป็นช่วงๆ (IF) จะช่วยลดระดับอินซูลินในเลือดลงได้ 

การเริ่มทำ IF ที่ได้ผลโดยปกติจะใช้ 

1. IF 16/8 (อด 16 ชม กิน 8 ชม หรือกิน 3 มื้อ ระหว่างมื้อต้องไม่กินอะไรเลยยกเว้น ชา กาแฟ ที่ไม่ใส่ นม ครม หรือน้ำตาล) หลังจากเริ่มทำสัก 2 Week ช่วงนี้ให้กินยารักษาเบาหวานตามปกติไปก่อนนะครับ แนะนำยกระดับการ Fast ไปเป็น 

2. IF 20/4 (อด 20 ชม กิน 4 ชม ระหว่างมื้อต้องไม่กินอะไรเลย ยกเว้น ชา กาแฟ ที่ไม่ใส่ นม ครม หรือน้ำตาล) หลังจากทำ IF 20/4 ไปสัก 3 เดือน น้ำหนักจะลดลง 4 - 8 kg ร่างกายจะทนหิวได้มากขึ้น ในกรณีเป็นเบาหวานไม่นาน น้ำตาลในเลือนและน้ำตาลสะสม จะลดลง ใน State นี้ ขอแนะนำให้งดยารักษาเบาหวาน ก่อนอาหาร ซึ่งออกฤทธิ์ กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน มิเช่นนั้น น้ำตาลในเลือดท่านจะลดระดับลงมากเกินไป เนื่องจาก เราลด การกินแป้งและน้ำตาลลงแล้ว  ใน State นี้ หากไปพบหมอ ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด และน้ำตาลสะสม หากน้ำตาลมีค่าลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ แสดงว่า ร่ายกายเข้าสู่การจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก น้ำตาลลดลงโดยไม่ใช้ยารักษาเบาหวาน แต่หากระดับน้ำตาลในเลือดยังสูงอยู่ ให้เข้าสู่ระดับต่อไป

3. IF 23/1 หรือ OMAD หรือการกินวันละ 1 มื้อ จะช่วยลดน้ำหนักและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดลงได้อีก ในการทำ IF 23/1 สัก 2 เดือน ค่าน้ำตาลในเลือด ควรเข้าสู่ระดับปกติ (< 100 mg/dL น้ำตาลสะสมต่ำกว่า 5.7%) หากท่านใดมีความดันสูง ใน State การทำ IF 23/1 ความดันเลือดของท่านควรอยู่ในระดับปกติแล้ว  และหากต้องการลดน้ำหนักเพื่อให้ค่า BMI อยู่ในระดับปกติ ( 19 - 22) แนะนำให้ทำ IF แบบ OMAD ต่อไปครับ

4. Prolong Fasting (47/1 , 71/1, 95/1) ผมแนะนำให้ทำ เดือน หรือ 2 เดือนครั้ง เพื่อให้ร่างกายได้จัดการนำเซลล์ที่มีอายุมากหรือเซลล์ที่เริ่มทำงานผิดพลาดไป Recycle ใหม่ จะช่วยให้มีเซลล์ที่ประสิทธิภาพดีในร่างกาย

สุดท้ายนะครับ ในการทำ IF ไม่ว่าจะทำ Fasting ระดับไหน สิ่งสำคัญคือ อาหารที่เรารับประทานเข้าไป ควรจะเป็นอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรตต่ำ (Low Carb) และ อาหารกลุ่ม คีโตน จึงจะทำให้ประสิทธิภาพการรักษาเบาหวานด้วยวิธีทำ IF ได้ประสิทธิภาพสูง และควบคุมเบาหวานได้ในระยะเวลาอันสั้นครับ และเมื่อ ลดน้ำหนักลงมาในระดับที่ BMI ปกติ และรักษาเบาหวานหายแล้ว การทำ IF ด้วยการกิน คีโตน หรือ การกิน Low Carb ก็จะช่วยให้เราไม่กลับไปเป็นเบาหวานอีกต่อไป 



วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ประสบการณ์ลดน้ำหนัก ตอนที่ 2 เตรียมพร้อมลดน้ำหนัก

ประสบการณ์ลดน้ำหนักในตอนนี้จะขอกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการลดน้ำหนักครับ ก่อนอื่นขอตั้งคำถามพื้นฐานให้ท่านผู้อ่านได้ตอบให้กับตัวเองก่อนนะครับ

1. ท่านชอบออกกำลังกายหรือไม่

2. ท่านชอบทานอาหารจุกจิกหรือไม่

3. ท่านนอนดึกหรือไม่

4. ท่านชอบอาหารจำนวนมากๆหรือไม่

เนื่องจากบทความประสบการณ์ลดน้ำหนักตอนแรก ซึ่งได้กล่าวถึงกระบวนการที่จะทำให้เป็นคนอ้วนหรือโรคอ้วนไว้ ปัจจัยที่กล่าวถึงก็จะอยู่ในคำถามที่ได้ถามท่านผู้อ่านครับ ก่อนที่กล่าวถึงการเตรียมพร้อมลดน้ำหนักจะขอแสดงสมการสมดุลพลังงานให้เห็นก่อนครับดังสมการที่ 1

Ein – Eout = Esys (1)

เมื่อ Ein คือพลังงานที่ร่างกายได้รับซึ่งก็มาจากอาหารการกิน

Eout คือพลังงานที่ร่างกายเผาผลาญจากการใช้กำลังหรือใช้แรงในการทำกิจกรรมต่างๆ

Esys คือพลังงานสะสมในระบบ ซึ่งก็คือพลังงานสะสมในตัวของเรา โดยมักจะอยู่ในรูปของไขมัน

จากสมการท่านผู้อ่านคงจะเห็นว่า หาก Ein น้อยกว่า Eout จะทำให้ Esys ลดลงนั่นหมายถึงไขมันลดลงทำให้มวลกายลดลงส่งผลให้น้ำหนักลดลงครับ เอาหล่ะครับ จากประสบการณ์ลดน้ำหนัก การดำเนินกิจกรรมตามสมการที่ 1 นั่นท่านที่ต้องลดน้ำหนักจะต้องเตรียมความพร้อมดังนี้ครับ

1. ทำใจและศึกษาวิธีการลดพลังงานเข้า

2. ศึกษาวิธีการทำให้พลังงานออกเพิ่มมากขึ้น

จากประสบการณ์ลดน้ำหนักของผม จะพบว่าความยากง่ายในการเตรียมความพร้อมลดน้ำหนักทั้งสองข้อมีเท่าๆกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด ความตั้งใจจริงของผู้ลดน้ำหนักเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ อ้ออีกปัจจัยหนึ่งหากท่านเป็นผู้ชอบทำลายสถิติจะรู้สึกสนุกกับปฎิบัติการลดน้ำหนักเป็นอย่างมากซึ่งจะทำให้การลดน้ำหนักของท่านเป็นไปอย่างสนุกสนานครับ อันนี้ได้มาจากประสบการณ์ลดน้ำหนักของตัวผมเอง บทความต่อไปจะขอนำเสนอ ตัวชี้วัดหรือ KPI ที่ใช้ในการลดน้ำหนักครับ สวัสดีครับ

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

ดื่มชาช่วยลดน้ำหนักได้

ว่ากันว่าดื่มชาชนิดไหนก็ไม่ดีเท่า "ชาอู่หลง" เพราะเป็นชาสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพและไม่มีความหวานปนอยู่เลย จนกระทั่งปัจจุบันสถาบันลดน้ำหนักทางการแพทย์ได้พบว่า ชาอู่หลงมีส่วนประกอบยอดเยี่ยมที่ช่วยในการลดน้ำหนักได้ดีทีเดียว โดยได้ทดลองใส่ในเมนูให้แก่ผู้เข้าร่วมโปรแกรมลดน้ำหนักชาวจีน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าการดื่มชาอู่หลงสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีกว่าการดื่มชาเขียวถึง 2 เท่า รวมไปถึงการดื่มชาอู่หลงยังสามารถลดปริมาณความอ้วนที่เกิดจากคาร์โบไฮเดรตได้เช่นกันและยังจำกัดสารสะสมไขมันส่วนเกินในร่างกาย เมื่อมองลึกลงไปมากกว่านั้นการดื่มชาอู่หลงยังช่วยชะลอความแก่ของวัยสาวได้อีกด้วย เพราะน้ำชาอู่หลงมีคุณสมบัติไปทำลายริ้วรอยที่เกิดจากการสัมผัสรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต ความเครียด หรือมลภาวะต่างๆ เมื่อทราบอย่างนี้แล้วคงต้องหันมาดื่มชาอู่หลงกันดีกว่า
การดื่มชา ชาสมุนไพร วิธีดื่มชา น้ำชา ดื่มชา Yahoo bot last visit powered by  Ybotvisit.com