แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อาหารเพื่อสุขภาพ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อาหารเพื่อสุขภาพ แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

อาหารเหนือ น้ำพริกอ่อง

เมนูวันหยุดนะครับ ขอนำเสนออาหารเหนือ เมนูน้ำพริกอ่อง  ผมคุ้นเคยกับน้ำพริกอ่องมาทั้งชีวิตก็ด้วยเป็นคนเหนือ น้ำพริกอ่องจะว่าไป วิธีการทำนั้นไม่ยาก แต่ที่สำคัญผักแกล้มต้องครบถึงจะอร่อย ผักแกล้มน้ำพริกอ่องจะขอแบ่งเป็นสองส่วน คือ 
1. ผักสด ก็เช่น แตงกวา ผักชี ถั่วฝักยาว กระหล่ำปลี
2. ผักลวก ก็เช่น กระหล่ำปลีลวก ถัวฝักยาว และสำคัญสุดที่ห้ามขาดครับ ยอดขี้เหล็กลวก สำคัญจริงๆ หากไม่มีจริงๆก็ดอกแคนาพอไหวให้รสขมอมหวาน (ช่วงเดือน เมษา - พฤษภา) ตัดกับรสชาติของน้ำพริกอ่องมากๆ

หากถามรสชาติของน้ำพริกอ่อง อาจจะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นต่างๆของภาคเหนือ หรือจะเปลี่ยนไปเลยในตลาดตามภาคอื่นๆของประเทศ แต่ในรสชาติน้ำพริกอ่องของผมที่กินฝีมือแม่มา น้ำพริกอ่องต้องหวานนำและเปรี้ยวตามจากมะเขือเทศครับ มาดูเครื่องปรุงก่อนครับ
1. หมูสับ เน้นเป็นหมูสับนะครับ หมูบดที่มีมันไม่แนะนำเพราะจะทำให้เลี่ยนเกินไป รสชาติเปลี่ยน
2. มะเขือเทศลูกใหญ่พันธ์ไหนก็ได้ สำหรับเอาเหนือและสีสัน มะเขือเทศลูกเล็ก เอารสเปรี้ยว
3. ผักชีต้นหอมซอยสำหรับปรุงรส
4. เครื่องตำน้ำพริกอ่อง
4.1 พริกแห้งเม็ดใหญ่ 4-5 เม็ด
4.2 พริกขี้หนูแห้ง 2 เม็ด เอารสเผ็ด
4.3 กะปิอย่างดี จะทำให้สีของน้ำพริกอ่องไม่คล้ำเกินไป
4.4 กระเทียมหัวใหญ่แกะเปลือกแล้ว 10 กลีบ
4.5 หอมแดง 3 หัว
4.6 รากผักชี 2 ต้น

มาดูขั้นตอนการทำน้ำพริกอ่องกันเลยครับ
5.1 โคลกกระเทียม และแบ่งกระเทียบที่โคลกแล้วครึ่งหนึ่งเตรียมไปเจียว
5.2 นำหอมแดงและรากผักชีลงไปโคลกกับกระเทียมที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง
5.3 เมื่อละเอียดเข้ากันดีแล้วเติมกระปิลงไปโคลกให้เข้ากัน
5.4 ถึงจุดนี้จะได้น้ำพริกสำหรับทำน้ำพริกอ่องหล่ะ หรือจะนำไปทำน้ำเงี้ยวก็ได้ครับ
5.5 หั่นมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็กๆตามยาว
5.6 ตั้งกระทะ เทน้ำมันพืชที่มีโอเมกา 3 ลงไป
5.7 นำกระเทียมที่โคลกแล้วจากข้อ 1 มาเจียวให้เหลือง
5.8 ตักกระเทียมเจียวพักไว้
5.9 นำน้ำพริกที่โคลกไว้ลงไปผัดจนเริ่มมีกลิ่นหอม
5.10 นำหมูสับลงไปผัดให้เข้ากันจนสุก
5.11 เติมน้ำลงไปเล็กน้อย
5.12 เติมมะเขือเทศที่หั่นแล้วในข้อ 5.5
5.13 คนคลุกเคล้าตลอดจนมะเขือเทศสุกเละเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
5.14 ปรุงรสด้วยเกลือเพื่อให้รสชาติกลมกล่อม
5.15 เมื่อส่วนผสมของหมูและมะเขื่อเทศเข้ากันดีแล้วให้เติมต้นหอมผักชีที่หั่นแล้วลงไปคลุก
5.16 นำกระเทียมเจียวในข้อ 5.7โรยหน้าเพิ่มความหอม
5.17 ตักลงถ้วยหรือกล่องรับประทานกับผักสดหรือผักลวกที่เตรียมไว้ร่วมกับแคบหมู


น้ำพริกอ่องหลังตักลงกล่อง

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

จับฉ่ายอาหารเรียกน้ำนม

แนวคิดเรื่องอาหารคุณแม่ให้นมบุตรที่ได้นำเสนอไปแล้วใน ..อาหารสำหรับเพิ่มน้ำนมสำหรับคุณแม่ให้นมลูก  อีกอาการหนึ่งของคุณแม่ให้นมคือ หลังจากคลอดลูกแล้ว คุณแม่ส่วนใหญ่จะมีอาการท้องผูกด้วย ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะการพักผ่อนน้อย ความเครียดจากที่น้ำนมมีน้อย หรือการที่ลูกร้องไห้ไม่หยุดเป็นต้น ในฐานะคุณพ่อมือใหม่จึงจับแพะชนแกะมันซะเลย อาหารที่ให้ความร้อนเพื่อกระตุ้นน้ำนมและอาหารเสริมกากใยเพื่อให้ขับถ่ายได้ง่าย จึงมาเป็นเมนูนี้ครับ จับฉ่าย เราจะได้ความร้อนจากพริกไทยขาว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นน้ำนมคุณแม่และกากใยอาหารและสารอาหารจากผักและเนื้อสัตว์ครับ วิธีการทำจับฉ่ายไม่ยากเลย มาดูองค์ประกอบของจับฉ่ายกันเลยครับ

1. เนื้อสัตว์ เลือกซี่โครงหมูอ่อน + กระดูกหมูสำหรับต้มน้ำซุป
2. ผักคะน้า ผักกาดขาว กวางตุ้ง (กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ไม่แนะนำเนื่องจากจะทำให้คุณลูกท้องอืดได้)
3. หัวไชเท้า
4. เห็ดหอมสด
5 เครื่องปรุงรส
    5.1 รากผักชี
    5.2 กระเทียม
    5.3 พริกไทยเม็ดขาว
    5.4 ซีอิ้วดำ
    5.5 ซีอิ้วขาว
    5.6 น้ำตาลปี๊บ

มาเริ่มขั้นตอนการทำจับฉ่ายหม้อนี้กันเลยครับ ผมขอแบ่งเป็น 2 หม้อดังนี้ครับ

หม้อที่ 1 ต้มน้ำซุป โดยการนำกระดูกหมู และซีโครงหมูอ่อน เคี่ยวรวมกับรากผักชี และซีอิ้วขาว 3-4 ชั่วโมง ให้ซีโครงหมูอ่อนนุ่มเปื่อย จากนั้นหั่นหัวไชเท้าลงไปเคี่ยวต่อประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วตุ๋นด้วยไฟอ่อนๆรอไว้ครับ

หม้อที่ 2. หั่นผักในข้อ 2 3 และ 4 และล้างทำความสะอาด
เตรียมผัดเครื่องปรุงในหม้อที่ 2 ดังนี้
เครื่องปรุง
1. นำรากผักชีและพริกไทยเม็ดขาวโคลกรวมกับกระเทียมให้ละเอียด
2. ตั้งหม้อที่ 2 เทน้ำมันที่มีส่วนผสมของโอเมก้า 3 เครื่องปรุงที่โคลกแล้วลงไปผัด จนมีกลิ่นหอม
3. ตักน้ำซุปลงไปคลุกเคล้าในหม้อ 2
4. เติมน้ำตาลปี๊บลงในหม้อ 2 ผัดจนมีกลิ่นหอม
5. เคี่ยวจนเดือด เติมซีอิ้วดำ และซีอิ้วขาวลงไป
6. นำผักที่หั่นแล้วลงไปผัดจนผักเกือบสุก
7. เทผักที่ผัดกับเครื่องปรุงรสในหม้อ 2 ลงไปในหม้อน้ำซุป (หม้อที่ 1) ที่ตุ๋นด้วยไฟอ่อนๆรอไว้
8. ตุ๋นจนผักเปื่อยได้ที่ (ประมาณ 1 – 1 ชั่วโมงครึ่ง)
9. ปรุงรสอีกครั้งด้วยซีอิ้วขาวตามชอบ
10. ตักใส่ถ้วยรับประทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ด

ต้มจับฉ่ายจะมีกลิ่นพริกไทยนำให้ความร้อนแรงช่วยกระตุ้นน้ำนมได้ดีนัก ความหวานจากผักและกระดูกหมูทำให้รสชาติของจับฉ่ายถ้วยนี้อร่อยนุ่มลิ้นมากขึ้น ซีโครงหมูอ่อนที่เปื่อยนุ่มเพิ่มความละมุ่นของจับฉ่ายถ้วยนี้เป็นอย่างยิ่ง กากใยของผักต้มจะทำให้การขับถ่ายดียิ่งขึ้น ลองทำให้คุณแม่รับประทานกันดูนะครับ


จับฉ่ายหม้อนี้เน้นหัวไชเท้านะครับ

วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การเจ็บป่วยจากการกินอาหาร

บางครั้งการเจ็บป่วยก็มาจากอาหารการกินของเราได้เหมือนกัน ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม สาเหตุของอาจเกิดได้จาก
  1. อาหารขาดคุณภาพ หมายถึงอาหารที่กินเข้าไปมีสารอาหารไม่ครบตามที่ร่างกายต้องการ
  2. ได้รับปริมาณอาหารไม่ถูกต้อง น้อยไปอาจขาดสารอาหาร มากไปจะมีอาการอาหารไม่ย่อย นานๆเข้าจะเป็นโรคอ้วน
  3. อาหารเสีย บูด เน่า อันนี้เห็นผลทันที ปวดท้อง ท้องเดิน เป็นโรคอาหารเป็นพิษ
  4. อาหารบางอย่างทำให้บางคนแพ้อาหาร เช่น อาหารทะเล
  5. อาหารนั้นมีพิษ ตัวอย่างเช่น กินเห็ดมีพิษ กินปลามีพิษเช่นปลาปักเป้า อาจจะถึงแก่ชีวิตได้
  6. อาหารมีเชื้อโรค เช่นอหิวาตกโรค บิด ตัวอย่างการกินเนื้อหมูที่มีเชื้อโรค มีพยาธิ
  7. อาหารมีพยาธิ ทำให้เกิดโรคพยาธิ เช่น ตัวตืด ใบไม้ตับ ตัวจี๊ด ป้องกันได้โดยการทำอาหารให้สุกก่อนรับประทาน
  8. อาหารที่ปรุงไม่ดี เช่นพวกอาหารสุกๆดิบๆ ทำให้ย่อยยาก หรือเชื่อโรคไม่ถูกฆ่าตาย หรือในทางตรงข้ามอาหารที่ปรุงด้วยความร้อนนานเกินไปอาจเสียคุณค่าทางอาหารไป
  9. ผู้ปรุงอาหารอาจเป้นตัวนำโนคต่างๆมาติดต่อผู้กินอาหาร
  10. ทุจริตในการค้าอาหาร เช่น ลดบางอย่างในอาหารแล้วเพิ่มสิ่งที่มีคุณค่าน้อยลงไปแทน
จากที่ได้กล่าวมาสิบประการนี้ หากท่านผู้อ่านต้องการกินอาการเพื่อสุขภาพก็ควรจะคำนึงถึงและขจัดสาเหตุเหล่านี้ให้หมดไปเสียด้วย ในบทความต่อไปจะขอกล่าวถึง อาหารว่าง ซึ่งเป็นอาหารที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของเราเช่นกัน

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อาหารการกินกับผลต่อร่างกาย

อาหารที่รับประทานในแต่ละวัน จะถูกร่างกายเผาผลาญและเปลี่ยนรูปเป็นพลังงาน ขณะเดียวกันธาตุบางชนิดที่อยู่ในอาหาร หากได้รับในปริมาณมากเกินไป อาจตกค้างอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย  และโดยธรรมชาติ เมื่ออายุเราน้อยๆ การทำงานต่างๆของระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นสิ่งตกด้างต่างๆจึงถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ ไม่ว่าจะทางเหงื่อ อุจจาระ เป็นต้น แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ระบบต่างๆทำงานได้ไม่เต็มที่นัก สารตกค้างจากการกินอาหารต่างๆถูกกำจัดออกได้ไม่หมดเหลือตกค้างในร่างกาย หากเหลือตกค้างเป็นปริมาณที่มาก ร่างกายก็จะแสดงอาการให้ทราบ เช่น เวียนหัว ปวดท้อง ปวดตามร่างกาย หรือหากตกค้างเป็นจำนวนมากๆอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ ครับ ในบทความนี้ขอเน้น อาหารการกินที่ออกฤทธิ์ทันทีทันใดหลังการรับประทานอาหาร ท่านผู้อ่านควรสังเกตุอาการของตัวท่านเองให้ดี ครับ จะได้หลีกเลี่ยงอาการต่างๆเหล่านั้นได้ ดังได้กล่าวมาแล้วว่า ร่างกายของเราอาศัยพลังงานขับเคลื่อนจากอาหารที่กินเข้าไป ดังนั้น การกินอาหารเกินความต้องการร่างกายก็จะสะสมไว้ ทำให้เกิดโทษต่อร่างกายได้ครับ ดังนั้น ในวัยที่เริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ผมขอเริ่มที่ 30 ปี อยากให้ทุกท่านลองสำรวจพฤติกรรมการกินของท่าน และแนะนำให้ออกกำลังกาย เพื่อเผาผลาญและขับสิ่งต่างๆออกจากร่างกาย และอย่าลืมคติ กินอาหารพอให้ร่างกายพอใช้ในแต่ละวัน หรืออาจจะน้อยกว่าสำหรับผู้ที่มีส่วนเกินอยู่มาก จากที่ได้เล่ามาเป็นประสบการณ์ของผมเอง ที่วัยอยู่ในเกณฑ์ต้องระวังครับ อาหารเสริม อาหารเพื่อสุขภาพต่างๆ หากรับประทานเข้าไปมากเกินความพอดีก็เกิดโทษได้ทั้งนั้นครับ บทความต่อๆไปจะนำเสนอ ผลของการสะสมธาตุหรือสารอาหารบางอย่างมากเกินความพอดีของร่างกายครับ สวัสดีครับ

วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อาหารเช้าสำคัญอย่างไร

สำหรับคนต้องการลดน้ำหนัก การลดปริมาณอาหารที่กินเข้าไปได้จะช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพสูง เห็นผลได้ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม อาจเกิดอันตรายจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเกินไปได้ โดยเฉพาะการลดอาหารเช้าจะมีผลเสียอย่างมากตามมา เรามาดูความสำคัญของอาหารเช้ากันครับ ว่าทำไมคนที่ลดน้ำหนักไม่ควรจะงดอาหารเช้า ในทางโภชนาการอาหารเช้าเป็นอาหารที่มีความสำคัญที่สุด ซึงขัดกับความนิยมของหลายคนที่ถือว่าอาหารเย็นเป็นมื้อสำคัญและต้องกินให้มากๆ จากการศึกษาค้นคว้าและทดลอง พบว่าอาหารเช้ามีความสำคัญมากและมีอิทธิพลเกี่ยวกับการทำงานและการเรียนตลอดทั้งวัน อาหารเช้าที่จะเกิดประโยชน์มากที่สุดต้องเป็นอาหารที่มีสารอาหารที่ร่างกายต้องการอย่างครบถ้วนและต้องมากพอ เพื่อให้ร่างกายได้ใช้พลังงานจากอาหารเพื่อการปฏิบัติงานไปงเวลาเย็น ดังนั้นเพื่อชีวิตความเป็นอยู่อันดีและลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรปฎิบัติดังนี้

  1. ให้ถือว่าอาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ซึ่งต้องเป็นอาหารหนักกว่าอาหารมื้ออื่นๆ ดังนั้นต้องเป็นอาหารที่อร่อยและมีสารอาหารทุกอย่างครบถ้วนตามร่างกายต้องการ
  2. ครอบครัวควรตื่นนอนแต่เช้า ให้มีเวลาที่ทุกคนจะนั่งร่วมกันพร้อมหน้าเวลาอาหารเช้า และมีเวลาพอในการพูดคุยกันก่อนจะแยกย้ายไปทำงาน
  3. อาหารมื้อเย็นควรเป็นอาหารอ่อน ย่อยง่าย และไม่มากเกินไป (คนลดน้ำหนักควรงดอาหารมื้อนี้ไปได้เลย)

ผู้ที่รับประทานอาหารเช้าได้มากทั้งปริมาณและคุณค่าทางอาหาร จะรู้สึกมีความสุขสดชื่น แจ่มใส ไม่มีปวดศีรษะ ไม่อ่อนเพลียเหน็ดเหนื่อยง่าย ความคิดอ่านดี ทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพมากและมีอารมณ์ดี

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

ทานอาหารช้าลงก็ช่วยลดน้ำหนักได้

การลดน้ำหนักนอกจากการออกกำลังกายเพื่อนำพลังงานออกจากร่างกายแล้ว อีกด้านหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนักได้คือการลดพลังงานเข้าร่างกาย นั่นคือการทานอาหารน้อยลง ซึ่งจากประสบการณ์ลดน้ำหนักของผมขอบอกได้ว่ามันยากยิ่งกว่าการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักเสียอีก ก็คนอ้วนนิสัยพื้นฐานส่วนมากก็เป็นคนชอบทานกันทั้งนั้นหล่ะครับ ดังนั้นตัวชี้วัดหรือ Lead KPI ที่ต้องนำมาชี้วัดของคนที่ต้องการลดน้ำหนักก็คือ ระยะเวลาในการเคี้ยวอาหารครับ การทานอาหารช้าลงมีผลทำให้คนที่ต้องการลดน้ำหนักอิ่มเร็วขึ้นกว่าเดิม ทำให้ปริมาณอาหารที่นำเข้าร่างกายน้อยลงไปด้วย จากที่สังเกตุคนอ้วนส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมการทานอาหารที่ค่อนข้างเร็ว เคี้ยวอาหารไม่นานมากนัก ท่านผู้อ่านที่ต้องการลดน้ำหนักลองกลับไปสังเกตุพฤติกรรมคนอ้วนกับคนผอมดูนะครับ คนผอมจะมีลักษณะทานอาหารค่อนข้างช้าซึ่งก็มีผลให้น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้นครับ ลองตั้ง KPI ดูนะครับอาจจะเป็นเวลาในการทานอาหารแต่ละมื้อ ก็ช่วยได้นะครับ ทานช้าลงอาจจะช่วยเพิ่มอรรถรสของอาหารที่รับประทานไปด้วยนะครับ สวัสดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ประสบการณ์ลดน้ำหนัก ตอนที่ 3 Lag KPI ของการลดน้ำหนัก

ประสบการณ์ลดน้ำหนักในบทความนี้จะ ขอกล่าวถึง KPI ที่ใช้ในการชี้วัดผลของการลดน้ำหนัก ครับ เราได้รู้จักการใช้ KPI ในงานบริหารหรืองานจัดการด้านอุตสาหกรรมมากมากพอสมควร ในการลดน้ำหนักก็เช่นกันครับ เราควรจะมี KPI เพื่อใช้วัดผลดำเนินการ โดยในบทความนี้จะขอนำเสนอการแบ่ง KPI ออกเป็น 2 ส่วนดังนี้

1. Lag KPI เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานต่างๆ ในการลดน้ำหนักผมขอนำเสนอ ค่าดัชนีมวลกายหรือค่า BMI ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความอ้วนที่นิยมใช้กันมากครับ โดยสูตรการคำนวณค่า BMI ทำได้ดังนี้

BMI = M/(H*H)

เมื่อ

M คือน้ำหนักตัวหน่วยเป็น กิโลกรัม

H คือความสูงหน่วยเป็น เมตร

ตัวอย่างการคำนวณ

หากผมมีน้ำหนัก 65 กก สูง 158 เซนติเมตร ดังนั้น ดัชนีมวลกายของผมจะเท่ากับ 65/(1.58*1.58) = 26.03 เป็นต้น

เป้าหมายค่า BMI

โดยปกติตามหลักเกณฑ์ BMI ของคนทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 18 – 25 โดยหากมีค่าต่ำกว่า 18 จะถือว่าผอมผิดปกติ และหากมากกว่า 25 จะถือว่าอยู่ในภาวะอ้วนแล้ว ถึงตรงนี้จึงอยากให้ท่านตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนักจากค่า BMI นี้ได้เลยครับ โดยจากประสบการณ์ลดน้ำหนัก ค่า BMI ที่เหมาะสมจะมีค่าเท่ากับ 21-22 ครับ

ความถี่ในการวัดผล KPI

จุดประสงค์ของการติดตามค่า BMI เพื่อที่จะตรวจสอบกิจกรรมในการสมดุลพลังงานของการลดน้ำหนักครับ จากประสบการณ์ลดน้ำหนักขอแนะนำว่าควรจะวัดค่า BMI ทุกๆ 3 วันครับ

อุปกรณ์ในการวัดผล

1. เครื่องชั่ง ท่านต้องมีเครื่องชั่งน้ำหนักสำหรับชั่ง จากประสบการณ์ลดน้ำหนัก ขอบอกว่าควรจะเป็นเครื่องชั่งที่แสดงผลเป็นตัวเลขเพื่อจะอ่านค่าน้ำหนักอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจจะซื้อมาไว้ที่บ้าน หรืออาจจะอาศัยตามปั๊ม ตามห้าง ซึ่งเราต้องพยายามใช้เครื่องชั่งเครื่องเดิมเสมอนะครับเพื่อขจัดความผิดพลาดของเครื่องชั่งครับ

2. การใช้ excel สำหรับจดบันทึกน้ำหนักในแต่ละวันและเขียนสูตร excel เพื่อคำนวณค่า BMI และแสดงผลในรูปแบบของกราฟ

เอาหล่ะครับมาถึงตอนนี้เราก็ได้ Lag KPI ซี่งใช้วัดผลการลดน้ำหนักของเราแล้วนะครับ แต่จากประสบการณ์ลดน้ำหนักของผม การกำหนด ค่า BMI เป็น KPI สุดท้ายเพื่อชี้วัดผลการลดน้ำหนัก ยังไม่เพียงพอ เราจะต้องกำหนด Lead KPI ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดที่จะคอยชี้นำเพื่อให้ได้ค่า BMI ตามเป้าหมายที่กำหนด ตัวอย่างง่ายๆ หากจะลดน้ำหนัก เราจะต้องทานอาหารลดลง ปริมาณอาหารที่ลดลงอาจจะเป็น Lead KPI ตัวหนึ่งของการลดน้ำหนักก็เป็นได้ แต่อย่าลืมหลักของ KPI ด้วยนะครับ ที่ว่า สิ่งที่วัดจะต้องวัดได้จริงไม่คลุมเครือ และวัดแล้วมีประโยชน์กับการดำเนินงานนั้นๆ แล้วพบกันในบทความต่อไป จากประสบการณ์ลดน้ำหนักของผมครับ สวัสดีครับ

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ดูแลรักษาผมร่วงด้วยอาหารการกิน

การดูแลรักษาผมร่วง เป็นปัญหาของชายไทยมานานแล้ว ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ประสบปัญหาผมร่วง จนทำให้ขาดความมั่นใจ ส่วนสาเหตุของผมร่วงนั้น พยายามค้นหาและรักษาผมร่วงด้วยเคมีบำบัดเช่นใช้ น้ำยาสระผม โดยอาการผมร่วงของผมก็คือ อาการคันศรีษะ หนังศรีษะมันอยู่ตลอดเวลา (ทั้งๆที่ทดลองมาหมดแล้วทั้งสระผมวันเว้นวันหรือทุกวัน) ไม่น่าเชื่อว่าเวลาเพียง 12 ปี จะทำให้เส้นผมหายไปเยอะ ทำลายความมั่นใจไปมาก จนกระทั่งช่วง 1 เดือนมานี้ เป็นช่วงที่ผมกำลังบำรุง วิตามินซี และ ธาตุสังกะสี รวมถึง วิตามินอี จากอาหารการกิน เพื่อไปบำรุงต่อมลูกหมาก และเสริมสร้างอสุจิที่มีคุณภาพ หลังจากที่วางแผนมีลูก แต่ผลที่ได้รับตามมาคือ อาการผมร่วงได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อกลับมาพิจารณาอาหารการกินที่เปลี่ยนไปในช่วงนี้ จึงสรุปได้ว่า ที่ผ่านมาร่างกายคงจะขาดธาตุสังกะสีมากพอสมควร เพราะสิ่งที่ผมทานเพิ่มขึ้นในช่วงนี้คือ ธาตุสังกะสี กล่าวคือ ผมจะดื่มโกโก้ทุกเช้า ทานเมล็ดแตงโมก่อนนอน และรับประทานตับหมูอยู่เป็นประจำ ซึ่งมันทำให้อาการผมร่วงลดลงไปได้ แต่ต้องไม่มากจนเกินไปนักเพราะการรับประทานสังกะสีมากเกินไปก็จะเกิดโทษต่อร่างกายได้เช่นกัน ซึ่งต้องบอกว่าที่ผ่านมา ผมมักจะไม่ให้ความสำคัญกับโภชนาการเท่าไหร่นัก จะเน้นไปที่ความอร่อยและความชอบเป็นหลัก เอาหล่ะครับ มาดูว่าที่ผมคิดไว้น่าจะใช่หรือไม่ มีนักโภชนาการได้กล่าวถึงอาการของคนที่ขาดธาตุสังกะสีไว้ โดยอาการผมร่วง เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นการรักษาผมร่วงด้วยอาหารการกินจึงเป็นวิธีการที่ได้ผลมากที่สุดรวมถึงมีค่าใช้จ่ายไม่มากนัก ครับ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ท่านนำไปใช้ดูแลรักษาผมร่วงได้นะครับ

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อาหารช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของต่อมลูกหมากสำหรับผู้ชายที่มีบุตรยาก

ต่อมลูกหมาก เป็นอวัยวะอันหนึ่ง ในระบบสืบพันธุ์ของเพศชาย ในมนุษย์ และสัตว์ ที่เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นโรงงานผลิตน้ำอสุจิของผู้ชาย มีหน้าที่ในการสร้างน้ำเมือกหล่อเลี้ยงตัวอสุจิถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบสืบพันธุ์เพศชาย ธาตุสังกะสี มีบทบาทสำคัญในเรื่องสุขภาพเพศชาย ช่วยในการสร้าง อสุจิ (Sperm) การสร้างฮอร์โมนเพศชาย และการทำงานของต่อมลูกหมาก การขาดธาตุสังกะสีจะทำให้เป็นหมันเนื่องจากเชื้อน้อย เกิดโรคกามตายด้าน Impotence และน้ำจากต่อมลูกมากลดลง ในด้านอื่นๆ เช่น อาจทำให้โตช้า ส่วนสูงลดลง ท้องเสียบ่อย นกเขาไม่ขัน ผมร่วง ผิวหนังแก่เกินวัย ความอยากอาหารลดลง ภูมิต้านทานโรคลดลงได้ โดยปริมาณของธาตุสังกะสีที่แนะนำประมาณ 30 มก./วัน (มากกว่านี้ก็ไม่ดีเนื่องจากจะทำให้ร่างกายทนทานต่ออนุมูลอิสระได้น้อยลง)

อาหารที่มีธาตุสังกะสีสูงและหากินได้ง่ายมีราคาไม่แพงที่อยากจะแนะนำ หากท่านผู้อ่านชอบกินของขบเคี้ยวก็จะเป็นพวก คือ เมล็ดฟักทอง เมล็ดแตงโม หรือเม็ดกวยจี๊ ให้สังกะสีประมาณ 10 มก./100 ก.ที่รับประทานเข้าไป ส่วนท่านผู้อ่านที่ชอบพวกเครื่องดื่มก็จะเป็นพวก โกโก้และชอคโกแล็ต โดยหากชงโกโก้ดื่มเองจะได้สังกะสีไปมากถึง 39% ของที่ต้องการใน 1 วัน ในส่วนของข้าวที่ใช้บริโภคเป็นประจำวันหากเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องจะทำให้ได้รับสังกะสีมากกว่าข้าวขาวเนื่องจาก ข้าวกล้องมีจมูกข้าว+รำข้าว ซึ่งมีสังกะสีสูงกว่าข้าวขาวมาก ในส่วนของเนื้อสัตว์นั่นจะพบสังกะสีมากที่ หอยนางรม ซึ่งพบสังกะสีมากที่สุดในบรรดาอาหารทั้งหมดครับ

จากที่ได้กล่าวมาท่านผู้อ่านสามารถเลือกรับประทานอาหารที่มีสังกะสีได้มากพอสมควรตามความชอบครับ ข้อสังเกตที่น่าสนใจ ชาติที่กินถั่วกินงามาก เช่น อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล ฯลฯ หรือชาติที่กินถั่วลิสง-น้ำมันถั่วลิสงมาก เช่น พม่า ฯลฯ มักจะมีลูกดก สาเหตุที่เป็นไปได้ คือ การกินอาหารที่มีสังกะสีสูง แต่งงานก่อน 30 ปี, และทำงานออกแรง-ออกกำลังมาก เป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจนะครับ สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องอสุจิคร้าบ อย่าลืม 4 อ อารมณ์ อาหาร อากาศ ออกกำลังกาย นะครับ

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คุณทราบหรือไม่ว่า : อาหารถูกใช้เพื่อเป็นพลังงาน

คุณค่าของอาหารประการแรกคือ อาหารจะถูกใช้เป็นพลังงาน ซึ่งจะใช้ในการเคลื่อนไหว การออกแรง หรือการทำหน้าที่ของอวัยวะต่างๆของร่างกาย เช่น ยืน เดิน เขียนหนังสือ หายใจ พูด หัวใจเต้น การใช้ความคิด เป็นต้น ล้วนแล้วแต่ต้องใช้พลังงานซึ่งได้จากอาหารทั้งสิ้น น้องจากนี้อาหารเมื่อถูกร่างกายเผาผลาญให้เกิดเป็นพลังงานแล้วยังเกิดความร้อนขึ้นมาด้วย ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นอยุ่เสมอ การกินอาหารเพื่อสุขภาพจะต้องควบคุมให้ร่างกายได้รับพลังงานที่เพียงพอในแต่ละวัน

คุณรู้หรือไม่ว่า วันหนึ่งๆ เล็บงอก 0.00046 นิ้วฟุต ขณะที่ผมยาว 0.017 นิ้วฟุต

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รู้หรือไม่ว่า ร่างกายนำอาหารไปใช้ในทางใดบ้าง

ก่อนจะกล่าวถึงอาหารเพื่อสุขภาพที่ร่างกายต้องการ มาดูกันก่อนว่าร่างกายคนเราประกอบไปด้วยธาตุต่างๆอะไรบ้าง คนเราประกอบไปด้วยน้ำราวๆ 60% โดยเฉลี่ยแล้วก้มีน้ำราว 10 แกลลอน โดยเลือดมีน้ำอยู่ 90% กระดูกมีน้ำ 50% ไขมันมีพอทำสบู่ได้ราวๆ 7 ก้อน ธาตุคาร์บอน มีพอทำเป็นดินสอได้ เก้าพันแท่ง ฟอสฟอรัสมีพอทำหัวไม้ขีดไฟได้ สองพันสองร้อยก้าน กำมะถันมีราวๆ 4 ปอนด์ แมกนิเซียม ราวๆ 1 ช้อนโต๊ะ เหล็กมีพอทำตะปูดอกเล็กๆยาว 2 นิ้วฟุต ได้ สองตัว มีหัวใจ น้ำหนักราว 1/100 ของน้ำหนักตัว กระดูก เมื่อแห้งหมดโดยไม่มีน้ำอยู่เลยทั้งตัวจะหนักราว 10 ปอนด์ มีเกลือแคลเซียม 5 ปอนด์ คนเราเมื่อตายและเผาจนเหลือเถ้าถ่านแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นเกลือแคลเซียมเหลืออยู่ หากจะนำไปขายคงได้ไม่กี่บาท (ค่าตัวของเราเมื่อเผาหมดแล้วมีราคาน้อยเหลือเกิน)

จากสถิติของการมีธาตุต่างๆในร่างกาย การทำหน้าที่ของอวัยวะต่างๆในร่างกาย พลังงานที่ใช้ ตลอดจนการขับถ่ายของเสียออกไปจากร่างกาย ล้วนแล้วแต่การใช้อาหารทั้งสิ้น ดังนั้นชีวิตและร่างกายจำเป็นต้องได้อาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ชีวิตดำเนินไปได้เป็นปกติสุข โดยอาหารทำให้เกิดคุณค่า 4 ประการ คือ

  1. เพื่อใช้เป็นพลังงาน
  2. เพื่อใช้เสริมสร้างร่างกายให้เจริญเติบโต
  3. เพื่อใช้ซ่อมแซมอวัยวะที่ชำรุดเสียหายไป
  4. เพื่อใช้ให้อวัยวะต่างๆทำหน้าที่ได้ดีเป็นปกติ

ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ คุณและโทษของอาหารการกิน ของ ศ.นพ. เสนอ อินทรสุขศรี

การดื่มชา ชาสมุนไพร วิธีดื่มชา น้ำชา ดื่มชา Yahoo bot last visit powered by  Ybotvisit.com