แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ชาสมุนไพร แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ชาสมุนไพร แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

ดื่มชาใส่นมดีมั้ย

งาน วิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า ชาช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และทำให้เส้นเลือดใหญ่ขยาย อย่างไรก็ดี นักวิจัยจากโรงพยาบาลคาริตของมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน เยอรมนี กลับพบว่า การใส่นมทำให้ประโยชน์ของชาในการปกป้องโรคหัวใจหมดไป นอกจานี้ยังมีผลต่อสารต้านมะเร็งโดยได้มีการศึกษาต่อไปเพื่อหาความเชื่อมโยงระหว่างการดื่มชากับการต่อต้านมะเร็งเพราะว่าการ ที่เติมนม ทำให้กิจกรรมชีวภาพของสารประกอบในน้ำชาเกิดการเปลี่ยนแปลง จึงมีแนวโน้มว่า ผลในการต่อต้านเนื้อร้ายของชาอาจมีปฏิกิริยากับนมเช่นเดียวกัน

ดื่มชาแล้วต้องให้มีประโยชน์

ดื่มชา ต้อง ระวัง
เนื่องจากสารกาเฟอีน ในใบชา มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทและมีผลเสพติดอ่อน ๆ เวลาไม่ได้ดื่มแล้วจะหงุดหงิด ร่างกายไม่ควรได้รับเกินวันละ 200 มิลลิกรัม ซึ่งเท่ากับน้ำชาประมาณ 4-5 ถ้วย
เมื่อกาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วในกระเพาะและลำไส้ แล้วกระจายไปตามอวัยวะต่างๆ เช่น สมอง หัวใจ ไต ตับ ปอด กล้ามเนื้อและระบบประสาทส่วนกลาง ผลของกาเฟอีนอยู่ได้ 8-14 ชั่วโมง ร่างกายต้องใช้เวลากว่า 48 ชั่วโมงในการสลายคาเฟอีน ถ้าร่างกายได้รับคาเฟอีนปริมาณสูงประมาณ 3,000-10,000 มิลลิกรัม จะทำให้ตายในเวลาอันสั้นได้ ก็คิดง่ายๆ ไม่ควรดื่มชาเกินวันละ 60 ถ้วย
ดื่มชา ให้ได้ประโยชน์เต็มที่
ในใบชามีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารที่ให้รสฝาด ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ดังนั้นน้ำชาที่เข้มข้นมากจึงทำให้ท้องผูกได้ ถ้าต้มหรือแช่ชานาน ๆ ก็จะยิ่งได้แทนนิน และยิ่งทำให้ชามีรสฝาด บางคนจึงดื่มชาใส่นมเพื่อให้รสดีขึ้น แต่ก็จะไม่ได้ประโยชน์จากชาอย่างเต็มที่
แทนนินมีผลต่อแร่ธาตุในกระเพาะและลำไส้ เช่น เหล็ก ไอโอดีน ทองแดง แมงกานีส สังกะสี ซีลีเนียม โครเมียม เมื่อรวมตัวกับสารโปรตีนแล้วจะย่อยได้ยาก เด็กเล็กจึงไม่ควรดื่มชา เพราะร่างกายจะย่อยและดูดซึมอาหารได้ไม่เต็มที่ เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโต แทนนินเมื่อรวมตัวกับธาตุเหล็กจะจับตัวกลายเป็นก้อนแข็งเม็ดเล็ก ๆ ได้ง่าย และย่อยสลายได้น้อย หากดื่มชาติดต่อกันนาน ๆ อาจนำไปสู่การขาดธาตุเหล็กในเลือดได้
การดื่มชาเข้มข้นหลังอาหารทันทีหรือใกล้เวลาอาหาร จึงทำให้กระเพาะลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง เวลาที่เหมาะสำหรับการดื่มชา คือหลังอาหาร 2-3 ชั่วโมง ตอนนี้คนนิยมดื่มชาเขียวกันมาก หากดื่มในปริมาณสูง ต้องระวังว่าจะลดการดูดซึมวิตามินบี 1 และธาตุเหล็ก
ไม่ควรดื่มชาที่ชงทิ้งไว้นานหลายชั่วโมง เพราะน้ำชาอาจบูดได้ และสารต่าง ๆ ในน้ำชาจะทำปฏิกิริยากัน ทำให้เสื่อมคุณภาพลง และไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัด เพราะจะระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้เกิดเซลล์มะเร็งได้
อื่นๆเกี่ยวกับการดื่มชา
สตรีที่กินยาคุมกำเนิด ไม่ควรดื่มชาเข้มข้น โดยเฉพาะก่อนและหลังกินยาคุม 4 ชั่วโมง เพราะแทนนินจะทำให้สารต่าง ๆ ในยาคุมละลายตัวยากและถูกดูดซึมน้อยลง ระหว่างที่กินยาบำรุงโลหิต ก็ไม่ควรดื่มชา เพราะแทนนินจะทำปฏิกิริยากับธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสารสำคัญในยาบำรุงโลหิต ทำให้ดูดซึมตัวยาได้น้อย ผู้ที่กินยาบำรุง เช่น โสม เขากวาง ก็ไม่ควรดื่มชา เพราะมันจะไปหักฤทธิ์กัน
ไม่ควรดื่มชาขณะกินยา ทั้งยาฝรั่ง ยาจีน ยาไทย เพราะสารต่างๆ ในน้ำชาอาจทำปฏิกิริยากับยาที่กินเข้าไป เช่น ทำให้คุณสมบัติของยาเจือจางลง หรืออาจกลายเป็นพิษได้ หากอยากดื่มชาในยามป่วยไข้ ควรดื่มชาก่อนหรือหลังกินยา 2 ชั่วโมง และชงให้บาง ๆ เข้าไว้
สตรีตั้งครรภ์ไม่ควรดื่มชา เพราะอาจเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ แม่ลูกอ่อนที่ให้ลูกดื่มนมแม่ ก็ไม่ควรดื่มชา เพราะสารต่าง ๆ ในน้ำชาจะผ่านไปทางน้ำนมแม่ ทำให้ทารกขาดแร่ธาตุที่สำคัญได้ นอกจากนี้น้ำชายังทำให้ความสามารถในการขับน้ำนมของแม่ลดลงด้วย
ผู้ที่มีไข้สูงก็ไม่ควรดื่มชา เพราะจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น จึงยิ่งทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นด้วย แทนนินยังทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาน้อยกว่าปกติ แทนที่ชาร้อน ๆ จะช่วยลดอุณหภูมิ กลับยิ่งทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นไปอีก

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

ดื่มชา ช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง

นักวิจัยพบการดื่มชาวันละ 2 ถ้วย ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งผิวหนังได้อย่างน้อย 65% โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มชาวันละหลายถ้วยติดต่อกันมากว่า 40 ปี ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์อยู่ในวารสารยูโรเปียน เจอร์นัล ออฟ แคนเซอร์ พรีเวนชัน แสดงให้เห็นว่าคุณสมบัติในการต้านทานโรคของใบชาสามารถปกป้องผู้ดื่มจากมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า (squamous cell carcinoma) และมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นฐานของหนังกำพร้า (basal cell carcinoma) ซึ่งแม้ไม่อันตรายเท่ามะเร็งที่เกิดจากเซลล์เม็ดสร้างสี (malignant melanomas) ซึ่งถือเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรงที่สุด แต่มีอัตราการเกิดสูงมาก มะเร็งทั้งสองชนิดเกิดจากการรับรังสีจากแสงแดดมากเกินไป และจะค่อยๆ ขยายตัวอย่างช้าๆ ในช่วงเวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นหนังกำพร้าปกติแล้วจะเป็นบริเวณใบหน้า และกลายเป็นแผลพุพองรักษาไม่หาย ส่วนมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นฐานของหนังกำพร้ามักแสดงตัวในรูปก้อนนูน ที่ไม่ทำให้เจ็บปวด และค่อยๆ โตขึ้น แม้ไม่ลุกลามทั่วร่างกาย แต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องผ่าตัดก้อนเนื้อร้ายชนิดนี้ออก

อนึ่ง ในการศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า ชาสามารถปกป้องจากโรคหัวใจ มะเร็งรังไข่ และความเครียด

สำหรับการศึกษาล่าสุดที่จัดทำโดยดาร์ตมัท เมดิคัล สกูลในนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐฯ นักวิจัยวิเคราะห์ผู้ป่วย 1,400 ราย อายุระหว่าง 25-74 ปี ที่เป็นมะเร็งหนึ่งในสองประเภทนี้ โดยนำพฤติกรรมการกินและดื่ม รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้ป่วยเหล่านี้ไปเปรียบเทียบกับกลุ่มตัวอย่าง ที่มีองค์ประกอบต่างๆ คล้ายกันแต่ไม่เป็นมะเร็ง

ผลการศึกษาพบว่า คนที่ดื่มชาเป็นประจำมีความเสี่ยง น้อยลง 65% ในการเป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า และน้อยลงเกือบ 80% สำหรับมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นฐานของหนังกำพร้า

ดร.จูดี รีส ผู้นำการวิจัยกล่าวว่า มีการนำสารประกอบในใบชามา ตรวจสอบเพื่อหาสารที่เป็นตัวชูโรงต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆ และพบว่าสารที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารอนุมูลอิสระ อย่างไรก็ดี ดร.รีสเสริมว่า จำเป็นต้องวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่า การดื่มชาช่วยปกป้องโรคร้ายจริง ไม่ใช่รูปแบบการใช้ชีวิตอื่นๆ รู้แบบนี้แล้วหันมาดื่มชากันดีกว่านะ

ดื่มชา ป้องกันมะเร็งรังไข่

สตรี ควรดื่มชาไม่ว่าจะเป็นชาเขียวหรือชาดำเอาไว้เป็นประจำ วันละ 1–2 ถ้วย จะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งของรังไข่ลงได้ ถึงครึ่งหรือมากกว่านั้น นักวิจัยมหาวิทยาลัยแห่งวอชิงตัน ของสหรัฐฯ สังเกตพบจากการศึกษากับผู้หญิง 2,000 คน ว่า สามารถหนีห่างโรคมะเร็งรังไข่ได้ถึงร้อยละ 54 จากการดื่มชาเขียวประจำวันละ 1-2 ถ้วย ขณะที่สถาบันการแพทย์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ศึกษาพบว่า สตรีที่ดื่มชาดำวันละอย่างต่ำ 2 ถ้วย จะลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งรังไข่ ลงได้เกือบร้อยละ 50
จากการศึกษาทั้งสองแห่งยืนยันถึงสรรพคุณของการดื่มชาดำและชาเขียวในการป้องกันมะเร็ง ทราบแบบนี้แล้วเรามาดื่มชากันเถอะ

ดื่มชา ในรูปแบบของเรา

วันนี้ขอนำเสนอการดื่มชาสมุนไพรชนิดต่างๆให้เหมาะกับลักษณะหรือกิจวัตรประจำวันกัน มาดูกันเลยว่าเราควรจะดื่มชาแบบไหนดี
1.คนทำงานแบบใช้สมอง
เครียดทั้งวัน หรือ นักเรียนนักศึกษาที่อ่านหนังสือจนดึก ควรดื่มชามะลิ
2 คนชอบออกกำลังกาย หรือทำงานที่ต้องเสียเหงื่อมากเหมาะกับการดื่มชาอู่หลง
3 คนที่ต้องผจญสูดดมอากาศเป็นพิษอยู่เสมอ เช่น ผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นประจำ เหมาะกับการดื่มชาเขียว
4.คนที่ในแต่ละวันนั่งตัวติดกับเก้าอี้ ไม่ค่อยขยับเขยื้อนกายและโดยปกติไม่ชอบออกกำลังกาย เหมาะกับการดื่มชาเขียว หรือ ดื่มชาดอกไม้
5 คนที่ชอบดื่มสุรา เครื่องดื่มมึนเมา ต้องดื่มชาเขียว
6. คนที่ชอบทานเนื้อสัตว์ เหมาะกับการดื่มชาอูหลง
7. คนท้องผูกเป็นประจำ เหมาะกับการดื่มน้ำชาผสมน้ำผึ้ง
8. คนที่มีคอเรสเตอรอลสูง ไขมันในเลือดสูง เหมาะที่กับการดื่มชาอูหลง หรือดื่มชาเขียว
9. สำหรับมนุษย์ยุคไฮเทค ทั้งหลายที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้งคืน หากได้ดื่มชาเป็นประจำจะดีมากๆ (ชาอะไรก็ได้ทั้งนั้น) เช่นว่างเมื่อไหร่ก็คว้าแก้วน้ำชายกมาดื่มแก้กระหาย จะช่วยป้องกันรังสีที่แผ่ออกมาจากเครื่อง อีกทั้งช่วยคลายเส้นคลายกระดูก ลดความอาการอ่อนเพลียได้อย่างชะงัดนักแล
ทราบประโยชน์จากการดื่มชาแล้ว หันมาดื่มชากันเถอะเรา

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

ดื่มชาช่วยป้องกันมะเร็งได้

จากบทความที่ผ่านมาได้กล่าวถึงประโยชน์ของการดื่มชา ในด้านการลดน้ำหนัก และการชะลอความแก่ บทความนี้จะกล่าวถึงประโยชน์ของการดื่มชา ในด้านอื่นบ้าง ชามีสารสำคัญมากมาย ทำหน้าที่เป็น แอนติออกซิเแดนท์ คือ Flavanoid, Polyphenol catechin, Vitamin C, Vitamin E, Saponia, Magesia, Selenium ในที่นี้ขอเน้นสารตัวหนึ่งที่มี ปริมาณมากในน้ำชา ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารป้องกันมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด คือ Epigallo- -catechin Gallate (EGCG) ป้ิองกันการเกิดมะเร็ง สารตัวนี้มีฤทธิ์ในการยับยั่งมะเร็งมากกว่า วิตามิน ซี ถึง 2 เท่าและสามารถยับยั้งการสร้างสารไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อนมะเร็งรุนแรง นอกจากนี้ตามรายงานของกองการป้องกันโรค และกองโภชนาการ ในกรมการ แพทย์ของประเทศจีน รายงานว่า การดื่มชาอูหลงสามารถยับยั้งสาร MNNG ที่ทำให ้เกิดมะเร็ง ในกระเพาะอาหารและลำไส้ อีกทั้งสาร DEAN ที่ทำให้เกิดมะเร็งในปอดได้ ทราบแบบนี้แล้วเรามาดื่มชากันเถอะ

ดื่มชาช่วยลดน้ำหนักได้

ว่ากันว่าดื่มชาชนิดไหนก็ไม่ดีเท่า "ชาอู่หลง" เพราะเป็นชาสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพและไม่มีความหวานปนอยู่เลย จนกระทั่งปัจจุบันสถาบันลดน้ำหนักทางการแพทย์ได้พบว่า ชาอู่หลงมีส่วนประกอบยอดเยี่ยมที่ช่วยในการลดน้ำหนักได้ดีทีเดียว โดยได้ทดลองใส่ในเมนูให้แก่ผู้เข้าร่วมโปรแกรมลดน้ำหนักชาวจีน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าการดื่มชาอู่หลงสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีกว่าการดื่มชาเขียวถึง 2 เท่า รวมไปถึงการดื่มชาอู่หลงยังสามารถลดปริมาณความอ้วนที่เกิดจากคาร์โบไฮเดรตได้เช่นกันและยังจำกัดสารสะสมไขมันส่วนเกินในร่างกาย เมื่อมองลึกลงไปมากกว่านั้นการดื่มชาอู่หลงยังช่วยชะลอความแก่ของวัยสาวได้อีกด้วย เพราะน้ำชาอู่หลงมีคุณสมบัติไปทำลายริ้วรอยที่เกิดจากการสัมผัสรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต ความเครียด หรือมลภาวะต่างๆ เมื่อทราบอย่างนี้แล้วคงต้องหันมาดื่มชาอู่หลงกันดีกว่า
การดื่มชา ชาสมุนไพร วิธีดื่มชา น้ำชา ดื่มชา Yahoo bot last visit powered by  Ybotvisit.com