นักวิจัยพบการดื่มชาวันละ 2 ถ้วย ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งผิวหนังได้อย่างน้อย 65% โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มชาวันละหลายถ้วยติดต่อกันมากว่า 40 ปี ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์อยู่ในวารสารยูโรเปียน เจอร์นัล ออฟ แคนเซอร์ พรีเวนชัน แสดงให้เห็นว่าคุณสมบัติในการต้านทานโรคของใบชาสามารถปกป้องผู้ดื่มจากมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า (squamous cell carcinoma) และมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นฐานของหนังกำพร้า (basal cell carcinoma) ซึ่งแม้ไม่อันตรายเท่ามะเร็งที่เกิดจากเซลล์เม็ดสร้างสี (malignant melanomas) ซึ่งถือเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรงที่สุด แต่มีอัตราการเกิดสูงมาก มะเร็งทั้งสองชนิดเกิดจากการรับรังสีจากแสงแดดมากเกินไป และจะค่อยๆ ขยายตัวอย่างช้าๆ ในช่วงเวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นหนังกำพร้าปกติแล้วจะเป็นบริเวณใบหน้า และกลายเป็นแผลพุพองรักษาไม่หาย ส่วนมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นฐานของหนังกำพร้ามักแสดงตัวในรูปก้อนนูน ที่ไม่ทำให้เจ็บปวด และค่อยๆ โตขึ้น แม้ไม่ลุกลามทั่วร่างกาย แต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องผ่าตัดก้อนเนื้อร้ายชนิดนี้ออก
อนึ่ง ในการศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า ชาสามารถปกป้องจากโรคหัวใจ มะเร็งรังไข่ และความเครียด
สำหรับการศึกษาล่าสุดที่จัดทำโดยดาร์ตมัท เมดิคัล สกูลในนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐฯ นักวิจัยวิเคราะห์ผู้ป่วย 1,400 ราย อายุระหว่าง 25-74 ปี ที่เป็นมะเร็งหนึ่งในสองประเภทนี้ โดยนำพฤติกรรมการกินและดื่ม รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้ป่วยเหล่านี้ไปเปรียบเทียบกับกลุ่มตัวอย่าง ที่มีองค์ประกอบต่างๆ คล้ายกันแต่ไม่เป็นมะเร็ง
ผลการศึกษาพบว่า คนที่ดื่มชาเป็นประจำมีความเสี่ยง น้อยลง 65% ในการเป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า และน้อยลงเกือบ 80% สำหรับมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นฐานของหนังกำพร้า
ดร.จูดี รีส ผู้นำการวิจัยกล่าวว่า มีการนำสารประกอบในใบชามา ตรวจสอบเพื่อหาสารที่เป็นตัวชูโรงต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆ และพบว่าสารที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารอนุมูลอิสระ อย่างไรก็ดี ดร.รีสเสริมว่า จำเป็นต้องวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่า การดื่มชาช่วยปกป้องโรคร้ายจริง ไม่ใช่รูปแบบการใช้ชีวิตอื่นๆ รู้แบบนี้แล้วหันมาดื่มชากันดีกว่านะ
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น